ระเภทของฟันปลอม

ระเภทของฟันปลอมนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ จะใส่ฟันปลอมกี่ซี่ หรือฟันปลอมแบบใดนั้น ทางทันตแพทย์ที่จะเป็นผู้ประเมินให้ว่าควรใส่แบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด โดยหลักๆ แล้วฟันปลอมนั้นแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

ฟันปลอมแบบถอดได้

ฟันปลอมแบบถอดได้ คือ ฟันปลอมที่ไม่ได้ยึดแน่นในปาก สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดภายนอกช่องปากได้ โดยมีลักษณะฟันที่ยึดติดกับฐานหรือตะขอที่ทำจากวัสดุหลายประเภท เช่น ฟันปลอมแบบถอดได้ฐานโลหะ ฟันปลออมแบบฐานพลาสติก หรือ ฟันปลอมฐานแบบนิ่ม เป็นต้น ซึ่งมีแบบหลักๆ 2 แบบย่อย ดังนี้
• ฟันปลอมแบบถอดได้บางส่วน (แบบซี่เดี่ยว) เป็นลักษณะสำหรับผู้ที่ยังมีฟันธรรมชาติในตำแหน่งสำคัญทั้งด้านบนและด้านล่างหลงเหลืออยู่ การใส่ฟันปลอมแบบนี้จึงเป็นการใส่เพียงบางซี่เพื่อทดแทนซี่ที่สูญเสียไป ซึ่งตัวฐานนั้นทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น ฐานพลาสติก ฐานโลหะ ฐานนิ่ม เพื่อให้ใกล้เคียงกับเหงือกธรรมชาติ บางครั้งอาจมีตะขอที่ช่วยยึดเกี่ยวกับตัวฟันด้วย
• ฟันปลอมแบบทั้งปาก เป็นลักษณะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติทั้งหมด โดยจะใช้ฟันปลอมที่สีเหมือนฟันธรรมชาติและมีฐานอะคริลิกที่ลักษณะเหมือนเหงือก
วัสดุที่มักใช้ทำฟันปลอมแบบถอดได้ คือ
• แบบฐานพลาสติก มักใช้ในเคสที่ยังไม่เคยใส่ฟันปลอมมาก่อนเพื่อเป็นระยะเวลาในการปรับตัวว่าสามารถใช้งานได้ถนัดหรือไม่ แถมฟันปลอมประเภทนี้ยังสามารถเบิกประกันสังคมได้อีกด้วย
• แบบฐานนิ่ม ซึ่งเป็นฐานพลาสติกแบบยืดหยุ่น มักใช้ใส่ในกรณีแทนฟันที่หายไปจำนวนน้อยๆ เช่น 1 ซี่ 2 ซี่
• แบบโลหะ มีความทนทานมากกว่าแบบฐานพลาสติก ตัวฟันปลอมมีความบางและแนบกับเหงือกได้มากกว่า
 

ข้อดีของฟันปลอมแบบถอดได้

• ถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
• ใส่ได้ทั้งปากหรือใส่ได้เป็นรายซี่
• ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับฟันปลอมแบบติดแน่นหรือถาวร
 

ข้อควรระวังของฟันปลอมแบบถอดได้

• เวลายิ้มอาจจะทำให้สังเกตเห็น หรือเห็นตะขอฟันฟลอมได้ในบางบริเวณ
• ในช่วงระยะแรกที่ใส่ฟันปลอมอาจรู้สึกไม่คุ้นชิน หรือคุ้นเคยกับการใช้งาน ซึ่งอาจทำให้มีความรู้สึกรำคาญ เนื่องจากพูดหรือเคี้ยวอาหารไม่ถนัด เพราะว่าฟันปลอมมีส่วนที่ติดอยู่กับเพดานปาก
ฟันปลอมแบบติดแน่น
ฟันปลอมแบบติดแน่นมีลักษณะยึดแน่นกันในช่องปาก เรียกอีกชื่อว่า ฟันปลอมถาวร โดยฟันปลอมลักษณะนี้จะไม่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดภายนอกช่องปากได้ ซึ่งฟันปลอมแบบติดแน่นบางชนิดนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นความสวยงาม และมีความความเป็นธรรมชาติเหมือนฟันจริง จึงทำให้ฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นสามารถนำมาทดแทนฟันที่สูญเสียไปได้อีกด้วย
ฟันปลอมแบบติดแน่นมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ได้แก่
• วีเนียร์ เป็นวิธีที่ต้องทำการเคลือบผิวฟันด้วยวัสดุที่มีลักษณะคล้ายเคลือบฟันธรรมชาติ ซึ่งจะมีความบางและสีใกล้เคียงกับฟันมาติดบริเวณด้านหน้าฟัน สามารถช่วยได้ทั้งเรื่องความสวยงาม และป้องกันการทำลายผิวฟัน
• รากฟันเทียม เป็นวิธีที่ต้องทำการฝังรากฟันเทียมลงไปบนกระดูกขากรรไกร เพื่อทดแทนรากฟันจริงที่สูญเสียไป พร้อมกับครอบฟันบนรากฟันเทียม
• ครอบฟัน เป็นวิธีที่ต้องกรอฟันธรรมชาติให้เล็กลงเพื่อครอบฟันลงไป มักทำในกรณีที่ยังมีฟันธรรมชาติอยู่แต่ฟันผุหรือแตกมากเกินกว่าจะแก้ไขแบบอื่นโดยทำเพื่อปกป้องเนื้อฟันเดิมที่เหลืออยู่
• สะพานฟัน มีลักษณะคล้ายการครอบฟันแต่มักทำในกรณีที่ยังสูญเสียฟันธรรมชาติไปสัก 1 – 2 ซี่ แล้วแต่ไม่อยากใส่ฟันปลอมแบบถอดออกได้ โดยต้องกรอฟันธรรมชาติข้างๆ ให้เล็กลง แล้วใช้ฟันซี่นั้นยึดเป็นสะพานฟันของซี่ที่ถูกถอนออกไป
วัสดุที่มักใช้ทำฟันปลอมแบบติดแน่นหรือแบบติดถาวร คือ
• แบบพลาสติกทั้งซี่ เป็นฟันปลอมที่ใช้ใส่ชั่วคราวหรือรอให้แผลจากการถอนฟันหายดี
• แบบโลหะทั้งซี่ มักใส่ในตำแหน่งบดเคี้ยว
• แบบผสม เช่น เซรามิก เป็นฟันปลอมที่ใช้ในตำแหน่งฟันหน้าเน้นความสวยงามเป็นธรรมชาติที่สุด

ข้อดีของฟันปลอมแบบติดแน่น 

• มีความสวยงามใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
• แข็งแรงทนทานไม่เปราะหักง่าย
• การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพเทียบเท่าฟันธรรมชาติ
• ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ
• หลุดยาก ติดแน่นในช่องปาก

ข้อควรระวังของฟันปลอมแบบติดแน่น 

• มีการสูญเสียเนื้อฟัน เนื่องจากต้องทำการกรอฟันข้างๆ เพื่อยึดกับฟันปลอม
• เสี่ยงเป็นโรคเหงือกหรือฟันผุได้ง่าย เนื่องจากถอดล้างทำความสะอาดไม่ได้ ผู้ที่สวมใส่ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดช่องปา